Last updated: 15 ก.ค. 2565 | 840 จำนวนผู้เข้าชม |
“ฝ้า” เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณผิวหน้า เกิดจากการที่เซลล์เม็ดสีใต้ชั้นผิวหนัง หรือเม็ดสีเมลานินทำงานผิดปกติ ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ “ฝ้า” จะมีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาล เข้มกว่าสีผิวปกติ บริเวณโหนกแก้ม จมูก หน้าฝากจะเกิดฝ้าขึ้นได้ง่ายกว่าส่วนอื่นๆ ฝ้าจะเกิดกับผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 30-40 ปี และมีโอกาสเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 9 เท่า
วิธีรักษา “ฝ้า” ฉบับคุณหมอมีวิธีไหนบ้าง?
รักษาด้วยยาทา
วิธีนี้เป็นวิธีรักษาฝ้าที่นิยมที่สุด เพราะทำได้ง่าย ค่าใช้จ่ายไม่สูง ยาทารักษาฝ้าส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของ ไฮโดรควิโนน กรดอาซีลาอิก กรดโคจิก เป็นต้น ต้องใช้ยาต่อเนื่องประมาณ 6 เดือน ถึงฝ้าจะจางลง แต่มีผลข้างเคียงทำให้ ผิวลอก แสบ แดง ห้ามซื้อมาใช้เองโดยเด็ดขาด
รักษาด้วยการลอกผิว
การลอกผิวด้วยสารเคมี คือการใช้กรดกระตุ้นให้เซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้าที่เกิดฝ้าหลุดออกมาเร็วขึ้น ทำให้ฝ้าจางลง แต่วิธีนี้เป็นวิธีรักษาฝ้าที่ค่อนข้างอันตราย ถ้าไม่ได้ทำโดยผู้เชี่ยวชาญอาจทำให้ผิวไหม้ หรือผิวเกิดแผลได้
ฝ้า กระ” ต่างกันอย่างไร? รู้ไว้แก้ได้ไว ลักษณะ “ฝ้า และ กระ” ดูง่ายนิดเดียว
ฝ้า เป็นรอยปื้นๆ ใหญ่ๆ สีน้ำตาลเข้มกว่าผิวเรา ส่วนมากจะเจอในคนผิวขาวมากกว่าผิวสองสี และเป็นกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายด้วย ระวังให้ดีนะคะสาวๆ
กระ ลักษณะจะเป็นจุดเล็กๆ สีน้ำตาล พบได้บนใบหน้า ใครที่คุณพ่อ คุณแม่ เป็น กระ จะมีโอกาสเป็นกระ มากกว่าคนอื่นๆ
เจอ “ฝ้า และ กระ” ได้ที่ไหนบ้าง
ฝ้า เกิดได้หลายที่บนใบหน้า โดยเฉพาะตรงโหนกแก้มและสันจมูกจะเป็นบริเวณที่มีฝ้าเกิดขึ้นได้บ่อย เนื่องจากถูกแดดได้บ่อยที่สุด
กระ พบได้บนใบหน้า และส่วนต่างๆของร่างกาย เจอมากที่หน้าแก้ม และดั้งจมูก กระซิบว่าใครที่อยู่กลางแจ้ง โดดแดดเป็นเวลานานจะทำให้จำนวนกระเพิ่มขึ้นได้
7 ก.ค. 2565